วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คำสอนของหลวงพ่อ


คำพูดที่หลวงพ่อผินะได้กล่าวไว้

มนุษย์เกิดมาจากตรงนี้......(คำไม่สุภาพ)
พระโพธิ์สัตว์ก็เกิดมาจากตรงนี้....(คำไม่สุภาพ)
พระพุทธเจ้าก็เกิดมาจากตรงนี้.....(คำไม่สุภาพ)
ไม่มีสูง ไม่มีต่ำ ไม่มีเรา ไม่มีเขา
ไม่มีหญิง ไม่มีชาย มีแต่รูป เวทนา
สัญญา สังขาร และวิญญาณ ไว้เพื่อพิจารณา "

“ปรมัตถ โวหาร เป็นโมนัย ปิบัติ”
“สพฺเพเต ธมฺมา นามรูปํ อนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวไว้ว่า นาม-รูป ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน สัตว์-บุคคล-เราเขา-ไม่มี ชายหญิงทั้งหลายเอ๋ย
อาศัย สมมุต ให้ละ สมมุต เสีย
อาศัย ตัณหา ให้ละ ตัณหา เสีย
อาศัย เมถุน ให้ละ เมถุน เสีย
จะได้หลุดพ้น โลกีย์ ถึงโลกอุดร ไม่ต้องเกิด-แก่-ตายเวียนว่าย ในวัฎสงสารหญิง-ชาย อุปมาดังว่า บุปผา ยุพาพาน จะไม่ยืนนานสักควารแผ่นดิน จะไม่เป็นไปตามปราถนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า แม่น่ำยังมีเวลาเต็ม แต่ใจชาย-หญิง ไม่มีเวลาเต็ม จึงกล่าวว่า สู จงมาดูโลกนี้อันมืดตระการ ไม่รู้อะไรเป็นเรา หลงอยู่ช้านาน สังขาร หลอกลวง เอาห่วงผูกคอ ถูกจองจำกลับยินดี สู้ไพรี ไม่มีอาวุธ เหมือนนอนหลับฝันไปตื่นแล้ว ไม่มีอะไรติดไป กายเรานี้ ประดุจดั่ง หลุมฝังศพ หรือสุสานเคลื่อนที่ของผีตายโหง วัว-ควาย-เป็ด-ไก่ ทั้งหลายที่รับประทานไปล้วนตายโหง จงคิดพินิจตามจะเห็นด้วยปัญญา
ดังว่า อุบลนาฯ เกิดจากตม ทั้งใบและดอก เบ่งบานโสภาละกลิ่นตมเสียฉันใด เป็นที่นิยมแห่งหมู่ภุมรินทร์ เพราะไม่มีกลิ่นตม พร้อมทั้งสายบัวและใบ กดลงไปไม่เปียกน้ำฉันใด ผู้มีปัญยาก็ฉันนั้น ชื่อว่าอาศัยเมถุน ก็ละเมถุนเสีย ฉันนั้น นี่และเรียกว่า อสุภกรรมฐาน พ้นแก่งอันกันดาร พ้นจากหมู่อันพาล รู้จักเลือกกินเลือกใช้ เหมือนดั่งคนกินผลไม้-ทุเรียน-รางสาด เป็นต้น กินเปลือกและเม็ดเข้าไป หาว่า ผลไม้ไม่ดี นี้เรียกว่า โมนัย ปฏิบัติขอจบ ปรมัตถ์ ย่อๆ เพียงเท่านี้

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หลวงพ่อผินะ


หลวงพ่อผินะ
นั่งขัดสมาธิถอดจิต-มรณภาพ ฮือฮา"หลวงพ่อผินะ"สังขารไม่เน่า

ย้อนหลังกลับไป เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2545 ชาวบ้านต่างเดินทางไปที่วัดสนมลาว หมู่ที่ 2 ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรีด้วยเกิดเหตุปรากฏการณ์ความมหัศจรรย์ ภายหลังการมรณภาพลงอย่างสงบของ "หลวงพ่อผินะ ปิยธโร" สิริอายุ 89 ปี เจ้าอาวาสวัดสนมลาว ร่างหลวงพ่อผินะนั่งหมดลมหายใจในท่านั่งขัดสมาธิอย่างสงบ เหตุที่ไม่ปกติเพราะท่านมรณภาพเวลาประมาณ 05.14 น. แต่เวลาล่วงเลยกว่า 12 ชั่วโมงแล้วร่างกายเนื้อตัวท่านยังอ่อนนิ่ม ไม่คล้ายดังคนที่หมดลมหายใจแต่อย่างใดก่อนหน้านี้หลวงพ่อผินะได้ทำหนังสือ เขียนสั่งไว้ มีใจความว่า "เมื่อฉันละสังขาร ขอให้ปฏิบัติตามนี้ คือ ห้ามฉีดยาศพโดยเด็ดขาด ให้เก็บศพไว้ในสภาพนั่งขัดสมาธิ ให้บรรจุศพไว้ในที่เตรียมไว้ ณ สุสานผินะ ไม่ต้องมีการสวดศพ ไม่ต้องบอกคนมาก ห้ามเผาศพโดยเด็ดขาด" สั่ง ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2545 ลงชื่อ พระผินะ ปิยธโร พระอาจารย์ใหญ่ประธานคณะปฏิบัติธรรม วัดสนมลาววิหาร

พระพิศาลมงคลวัตร เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี (ธรรมยุต) กล่าวว่า ได้ทำการบรรจุศพในวันที่ 16 ตุลาคม 2545 และทำตามที่ท่านสั่งไว้ โดยสั่งช่างทำโลงแก้ว บรรจุศพในท่านั่งขัดสมาธิ และนำไปตั้งไว้ที่สุสานผินะ ที่ท่านสั่งให้สร้างไว้แล้ว อัตโนประวัติหลวงพ่อผินะ ปิยธโร มีนามเดิมว่า ทวาย หาญสาริกิจ เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2456 บ้านหัวลำโพง อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี วัยเด็กหลวงพ่อมีโรคประจำตัวรักษาไม่หาย หลังการร้องไห้ทุกครั้ง จะต้องมีอาการชัก จนหน้าเขียว โยมมารดาพาไปหาหมอรักษาโรค แต่อาการไม่ดีขึ้น ครั้นพอหมดหนทางจึงได้พาบุตรชายไปหาหลวงพ่อสิน เจ้าอาวาสวัดหนองเตา ต.โนนขี้เหล็ก อ.เมือง จ.อุทัยธานี หลวงพ่อสินระบุว่า ชื่อทวาย เป็นกาลกิณี ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นผินะ มาจากคำว่าผิน แปลว่า หันหน้า, หันหลัง, เปลี่ยนทิศทาง, ไม่แยแส, หรือเลิกคบกัน นับแต่นั้นอาการดังกล่าวได้ทุเลาลงพ.ศ.2481 บิดาได้ล้มป่วยและเสียชีวิต จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เพื่ออุทิศส่วนกุศล พออายุครบบวชจึงได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดหนองเต่า โดยมีพระครูอุดมคุณาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอทัพทัน เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาอำนวย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ในระหว่างเป็นพระภิกษุพระผินะได้ขออนุญาตเจ้าอาวาสออกไปจำพรรษาที่วัดเกาะ เทโพ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ได้ศึกษาพระธรรมจากหลวงตาคำ ให้รู้ถึงสังขารร่างกายมนุษย์และสัตว์ ล้วนมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ร่างกายเน่าเปื่อย

พ.ศ.2481 ท่านสอบได้นักธรรมตรี และออกธุดงค์ ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐาน ณ วัดถ้ำตะโกพุทธโสภา อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ก่อนจะเดินธุดงค์ไปในหลายจังหวัด ในภาคเหนือ ใต้ ประเทศพม่า ลาว เขมร อินเดีย
พ.ศ.2485 พระผินะได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่น วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และพระอาจารย์อีกหลายรูปที่ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์
พ.ศ.2527 หลวงพ่อผินะจาริกธุดงค์ผ่านมาถึงวัดโบราณ บ้านสนมลาวเขาโบถส์ ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี เป็นวัดร้าง แต่มีสถานที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม ชาวบ้านจึงนิมนต์ให้จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ปัจจุบันกลายเป็นวัดสนมลาว และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ


หลวงพ่อผินะเคยปรารภกับคณะศิษยานุศิษย์ว่า สถานที่แห่งนี้มีความเหมาะสมใช้เป็นที่ละสังขาร และได้มอบหมายให้จัดสร้างเตรียมไว้ล่วงหน้า เป็นอ่างน้ำด้านล่าง ที่ใส่สังขารอยู่ด้านบน อันเป็นปริศนาธรรม หมายถึงการอยู่เหนือพ้นน้ำ ดังเช่น บัวสี่เหล่าที่พระพุทธองค์ได้ทรงกล่าวเทศนาไว้ หรืออีกนัยหนึ่งคือ เหนือการตาย เวียนว่ายตายเกิดสำหรับสุสานที่เก็บสังขารหลวงพ่อผินะ คณะศิษยานุศิษย์ได้จัดสร้างเจดีย์ ลักษณะคล้ายองค์พระปฐมเจดีย์ครอบไว้ สูงประมาณ 10 เมตร ด้านหน้ามีรูปหลวงพ่อผินะ ใต้ฐานเจดีย์เป็นน้ำ มีปลาแหวกว่ายทุกวันจะมีสาธุชนที่ศรัทธาเลื่อมใสเดินทางมากราบไหว้สังขาร หลวงพ่อผินะที่บรรจุในโลงแก้วอยู่เป็นประจำในโอกาสนี้วัดสนมลาววรวิหาร เตรียมจัดพิธีทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงมุทิตาจิตและอุทิศส่วนกุศลแด่หลวงพ่อผินะ ในช่วงเทศกาลออกพรรษา ประจำปี 2548

หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาววิหาร 34 หมู่ 2 ซอย5 ตำบลโคกแย้ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี 18230
พระเจ้า ๕ พระองค์ คือ นะโมพุทธายะ
บอกวิธีใช้แนะนำให้รู้จักพระเจ้า ๕ พระองค์และความเป็นมาของวัดสนมลาววิหารโดยย่อ ซึ่งเป็นวัดวิปัสสนาสายพระอาจารย์ มั่น วัดนี้ร้างมา ๓๐๐ กว่าปี พระบรมไตรโลกนาถสร้างไว้ให้พระสนมลาว ปี พ.ศ. ๒๐๒๙ หลวงพ่อผินะได้มาบูรณะ พ.ศ. ๒๕๒๘ ขณะนี้กำลังสร้างธรรมวิหารไว้ปฏิบัติศาสนกิจ พระเณรต้องศึกษาสรีระวิทยาเพื่อแก้สัญญาพิปลาศ ไม่ยึดถึงตัวตนเขาเรา ให้พิจารณาให้เห็นไตรลักษณ์ว่า เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา